โสมเกาหลี ชื่อสามัญ Ginseng (จินเซ็ง), Panax[1], Korean ginseng, Asian
ginseng[4]
โสมเกาหลี
ชื่อวิทยาศาสตร์ Panax
ginseng C.A.Mey. จัดอยู่ในวงศ์เล็บครุฑ
(ARALIACEAE) และอยู่ในวงศ์ย่อย ARALIOIDEAE[1]
สมุนไพรโสมเกาหลี ยังมีชื่อเรียกอื่นอีกว่า โสมจีน, โสมคน,
โสมสวน, โสมป่า, เซียมเซ่า, หยิ่งเซียม (จีนแต้จิ๋ว), เหยินเซิน (จีนกลาง) เป็นต้น[1],[3]
โสมเกาหลี
ต้นโสมเกาหลี มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนตอนเหนือและประเทศเกาหลี
จัดเป็นพืชล้มลุกมีอายุหลายปี ลำต้นฉ่ำน้ำ และมีขนาดประมาณ 60-80 เซนติเมตร ลำต้นมีลักษณะกลมและตั้งตรง
มีรากเก็บอาการลักษณะพองโต แยกเป็นง่าม นิยมเก็บรากมาใช้เป็นยาเมื่ออายุประมาณ 4-6 ปี โดยมักขึ้นใต้ร่มเงาไม้อื่น ลำต้นจะแห้งไปในช่วงฤดูหนาว[3]
ต้นโสม โสมเป็นพืชโตช้า
ถ้าเพาะจากเมล็ดจะต้องใช้เวลาถึง 5-6 ปี จึงจะเก็บมาใช้ได้
โดยในปีแรกจะมีความสูงเพียง 1 ฟุต มีใบ 1 ใบ ประกอบด้วยใบย่อย 3-5 ใบ และใบจะเพิ่มขึ้นปีละ 1
ใบ เมื่อถึงปีที่ 3 ก็จะเริ่มออกดอก เมื่ออายุ
4-5 ปี ต้นจะสูงประมาณ 2 ฟุต
โสมเกาหลีเป็นพืชที่ปลูกยาก ต้องการภูมิอากาศเฉพาะ
การเพาะปลูกจะต้องปลูกในที่ที่ไม่เคยปลูกโสมมาก่อนในช่วงระยะเวลา 10-15 ปี ต้องปลูกในที่ที่มีแสงไม่มาก และต้องเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี
สามารถขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ดจากต้นแก่ที่มีอายุตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป
แล้วต้องนำเมล็ดที่ได้ไปปลูกทันที เพราะหากทิ้งไว้ให้แห้งจะไม่ขึ้นทันที จะงอกใน 8
เดือน แต่ถ้าทิ้งเมล็ดไว้ 4 เดือนแล้วจึงนำมาปลูกในที่ชื้น
จะใช้เวลา 9 เดือนจึงจะงอก โสมเป็นพืชที่ชอบดินเหนียว มีค่า pH
ประมาณ 5.5-6.0 อุณหภูมิที่ปลูกประมาณ 0-15
องศาเซลเซียส ไม่ชอบแสงแดด จึงต้องทำร่มบังให้ ภูมิอากาศในประเทศไทยจึงไม่เหมาะสำหรับการปลูกโสมและยังไม่สามารถปลูกโสมได้
ในปัจจุบันปลูกกันมากในประเทศเกาหลี จีน รัสเซีย และญี่ปุ่น[1],[2],[3]อีกข้อมูลหนึ่งระบุว่า โสมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจะเรียกว่า “โสมป่า”
ส่วนโสมที่มีคนนำมาเพาะปลูกจะเรียกว่า “โสมสวน” โดยโสมป่าจะมีรากขนาดเล็กและยาวกว่าโสมสวน
บริเวณส่วนหัวของรากจะยาวและมีการแตกรากมาก รากฝอยจะยาวและเหนียวกว่าโสมสวน
และมีคุณภาพที่ดีกว่าอีกด้วย[3]
รากโสมเกาหลี รากมีขนาดใหญ่อ้วนกลม
มีลักษณะอวบแตกเป็นแขนง 2 อัน ลักษณะคล้ายกับขาคน
หากดูทั้งรากจะมีลักษณะคล้ายกับคน บางครั้งจึงเรียกว่า “โสมคน” โดยรากแก่ยาวประมาณ 8-20 เซนติเมตร โดยคำว่า “Ginseng”
นั้นเป็นภาษาจีน ที่แปลว่า man-root ซึ่งหมายถึง
รากไม้ที่มีลักษณะคล้ายคน มองดูคล้ายมีหัวแขนและขา
(บางตำรากล่าวว่ารากโสมยิ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับมนุษย์มากเท่าไร
ก็ยิ่งแสดงว่าโสมนั้นมีคุณค่าและมีราคาแพง) เปลือกรากเป็นสีเหลือง มีเนื้อนิ่ม
เนื้อในรากเป็นสีขาว แตกรากฝอยมาก การจะเก็บรากโสมจะต้องเก็บในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ก่อนการออกดอก
ซึ่งจะเป็นช่วงที่โสมมีสารสำคัญอยู่มากที่สุด
เมื่อเก็บมาแล้วก็ต้องทำให้แห้งโดยเร็ว
ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันมิให้เอนไซม์ในรากโสมออกมาทำลาย saponin[2],[3]
ใบโสมเกาหลี ใบเป็นใบประกอบคล้ายรูปฝ่ามือ
ลักษณะของใบคล้ายกับใบหนุมานประสานกายหรือใบต้นนิ้วมือพระนารายณ์ แต่มีขนาดบางกว่า
โดยจะมีใบย่อยประมาณ 3-5 ใบ
ออกเรียงตัวเป็นวงรอบลำต้น โดยโสมที่มีอายุประมาณ 2-5 ปี
จะมีใบย่อยประมาณ 5 ใบ ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปกลมรี
ปลายใบแหลม ส่วนขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย มีขนาดกว้างประมาณ 2-6.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 4-15 เซนติเมตร
ใบย่อยสามใบด้านบนจะมีขนาดใหญ่กว่าใบย่อยสองใบที่อยู่ด้านล่าง
เส้นหน้าใบมีขนปกคลุมเล็กน้อย ส่วนหลังใบไม่มีขน ใบจะเพิ่มขึ้นปีละ 1 ใบ[1],[2],[3]
ดอกโสมเกาหลี ออกดอกเป็นช่อสีขาวที่ยอดต้น
มีก้านดอกยาวชูออกมาจากยอด แบบซี่ร่ม ก้านช่อดอกยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ช่อหนึ่งมีดอกย่อยประมาณ 4-40 ดอก
ดอกย่อยมีขนาดเล็ก มีสีเหลืองอ่อนอมสีเขียว ในหนึ่งดอกจะมี 5 กลีบ กลีบดอกมีลักษณะเป็นรูปไข่ ส่วนกลีบเลี้ยงดอกเป็นสีเขียว มี 5
กลีบ หุ้มอยู่ ก้านดอกย่อยยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร
ใจกลางดอกมีเกสรเพศผู้ 5 อัน ส่วนเกสรเพศเมียมี 1 อัน แบบสั้น โดยจะออกดอกในช่วงประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน[1],[2],[3]
ชนิดของโสมเกาหลี
รากโสมเกาหลี นิยมนำมาใช้ทำเป็นโสมแดงและโสมขาว เป็นพืชที่ควบคุมของรัฐบาลเกาหลี
ห้ามนำพันธุ์ออกนอกประเทศ แต่ในไทยเคยพบว่าเกิดตามธรรมชาติเพียงแห่งเดียว[1]
โสมขาว (White Ginseng)
คือ การนำรากโสมที่ล้างสะอาดแล้วมาตากแดดหรืออบให้แห้งทันที[2]
โสมแดง (Red Ginseng) คือ
การนำรากโสมที่ตัดเฉพาะส่วนที่ดี ๆ มาล้างให้สะอาด เป็นโสมที่ผ่านกรรมวิธีการอบและฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง
โดยการนำมาอบด้วยไอน้ำประมาณ 120-130 องศาเซลเซียส
เป็นระยะเวลา 2-4 ชั่วโมง จนเป็นสีน้ำตาลแดง
แล้วจึงนำไปอบให้แห้ง จะได้เป็นสีน้ำตาลแดง (ใส)
โดยจะมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์เพิ่มขึ้นอีก 4 ชนิด
จึงมีราคาแพงกว่าโสมขาว ขายได้ราคาดี[1],[2]
สรรพคุณของโสมเกาหลี
รากโสมเกาหลี มีรสหวานชุ่ม ขมเล็กน้อย
เป็นยาสุขุม ออกฤทธิ์ต่อปอด ม้าม และกระเพาะอาหาร ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง
บำรุงอวัยวะภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายชุ่มชื่น ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย[3]
ช่วยปรับสมดุลของร่างกาย
ปรับการทำงานของต่อมไร้ท่อต่าง ๆ[1]
ช่วยแก้อาการหน้ามืดเป็นลม[3]
ช่วยแก้อาการเหงื่อออกไม่รู้ตัว กระหายน้ำ[3]
ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร[3]
ช่วยแก้หัวใจเต้นผิดปกติ หรือหายใจผิดปกติ[3]
โสมมีสรรพคุณเป็นยาช่วยบำรุงหัวใจ
โดยออกฤทธิ์คล้ายกับยา digoxin ช่วยป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด
ป้องกันภาวะเส้นเลือดอุดตัน[5]
ใช้รักษาและป้องกันโรคผนังเส้นเลือดแดงใหญ่หนาและแข็ง
โดยโสมจะไปช่วยทำให้คอเลสเตอรอลที่เกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือดลดน้อยลง[2]
โสมมีฤทธิ์ต้านการจับตัวกันของเกล็ดเลือด
อันเป็นสาเหตุสำคัญของการอุดตันของหลอดเลือด[2]
โสมมีฤทธิ์สร้างเม็ดเลือดแดง
ซึ่งสามารถนำมาใช้รักษาผู้ที่มีเลือดน้อยหรือผู้ที่โลหิตจางและความดันต่ำได้
และยังช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงในกระดูกได้อีกด้วย[3]
โสมมีฤทธิ์ต้านพิษต่อตับ
โดยโสมสามารถช่วยป้องกันการเกิดพิษต่อตับอันเกิดจากคลอโรฟอร์ม
คาร์บอนเตตระคลอไรด์และแอลกอฮอล์ได้[2]
ใช้เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับความผิดปกติต่าง ๆ
เช่น หย่อนสมรรถภาพทางเพศ อาการท้องผูก ระบบทางเดินอาหารทำงานผิดปกติ โลหิตจาง
เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และความเครียด[1]
ช่วยลดอาการร้อนวูบวาบในหญิงวัยหมดประจำเดือนหรืออาการวัยทอง[5]
ช่วยลดอาการผิวหนังแห้งและเหี่ยวย่น
จึงช่วยทำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น[5]
ช่วยเร่งฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายของผู้ป่วย
ช่วยลดอาการข้างเคียงจากการฉายรังสี
จากการศึกษาพบว่าโสมสามารถช่วยต่อต้านโรคและอันตรายที่เกิดจากรังสีรวมถึงสารพิษต่าง
ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ[5]
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอื่น ๆ
ที่ระบุว่าโสมมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัส HIV-1, ป้องกันอันตรายจากรังสีแกมมา, กระตุ้นการสร้างอสุจิ,
เร่งการเจริญเติบโตของรังไข่และการตกไข่, ช่วยลดการหลั่งกรดและน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร
ช่วยยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ฯลฯ
วิธีใช้ :
วิธีการใช้ตาม [1],[2] ให้ใช้ส่วนของรากโสมที่มีอายุประมาณ
5-6 ปี นำมาล้างให้สะอาด ตากให้แห้งในที่ร่มประมาณ 2-3
วัน แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ใช้ชงกับน้ำร้อนดื่มและกินกากยาด้วย
โดยขนาดที่ใช้คือขนาด 0.6 กรัมต่อวัน[1] ส่วนการใช้รากตาม [3] ให้ใช้ครั้งละ 2-10 กรัม หรืออาจใช้ได้ไม่เกิน 35 กรัม
นำมาต้มกับน้ำรับประทาน[3]
ประโยชน์ของโสมเกาหลี
โสมเกาหลีมีประโยชน์ในการช่วยบำรุงร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง และเป็นยาบำรุงกำลัง แก้อาการเหนื่อยหอบ
อ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง ช่วยทำให้กล้ามเนื้อมีความสามารถดีขึ้น
จึงนิยมใช้เป็นยาบำรุงกำลังในหมู่นักกีฬาประเทศต่าง ๆ เช่น นักวิ่ง นักว่ายน้ำ
เป็นต้น[1],[2],[3]
โสมเกาหลีมีสรรพคุณเป็นยาช่วยชะลอความแก่ ทำให้อายุยืนยาว[1] เพิ่มขบวนการเผาผลาญไขมันเพื่อให้ร่างกายเกิดพลังงาน
(เรียกว่า Lipid oxidation) อนุมูลอิสระที่สลายตัวจากออกซิเจน
จะเป็นตัวทำลายเนื้อเยื่อของอวัยวะต่าง ๆ ให้เสื่อมสลายลง
ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความแก่ โดยโสมสามารถเข้าไปทำลายอนุมูลอิสระของออกซิเจน
จึงช่วยทำให้เนื้อเยื่อเสื่อมช้าลง
ประกอบกับโสมยังมีคุณสมบัติที่ช่วยปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้มีความทนทานต่อความกดดันต่าง
ๆ จึงช่วยลดขบวนการของความแก่ชราลงได้ ดังนั้นโสมจึงช่วยชะลอความแก่ชราลงได้[2]
โสมเกาหลีมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยบำรุงประสาทและสมอง ช่วยในการเรียนรู้ เสริมความจำ แก้ความจำเสื่อม
แก้ตกใจง่าย ช่วยลดภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ และช่วยผ่อนคลายความเครียด[1],[3] เนื่องจากโสมมีคุณสมบัติช่วยปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้ทนต่อความกดดันจากภายนอก
โดยเร่งขบวนการเผาผลาญอาหารต่าง ๆ เพื่อปลดปล่อยพลังงานออกมาเพื่อต่อต้านความเครียด[4] หากใช้โสมในปริมาณน้อย ๆ จะมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง
ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย กระปรี้กระเปร่า สมองปลอดโปร่ง ไม่ง่วงเหงาหาวนอน
แต่ถ้าหากใช้ในปริมาณมาก ๆ ก็จะไปกดประสาททำให้ซึมได้[2] บางข้อมูลระบุว่าโสมมีผลต่อการทำงานของระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินและการมองเห็นด้วย[5]
ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ทำให้ต้านมะเร็ง และสารก่อกลายพันธุ์[1] โสมสามารถช่วยเพิ่มความต้านทานต่ออิทธิพลภายนอกที่เข้ามากระทบได้
เช่น ความเหนื่อยล้า ความเครียด โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ (เช่น โรคมะเร็ง)
โดยมีสารที่ช่วยทำให้ร่างกายปรับตัวเพิ่มความต้านทานโรคเหล่านี้ได้ ซึ่งเรียกว่า “Adaptogenic
Agent”[2],[3] มีการทดลองในสัตว์ที่พบว่าโสมสามารถเพิ่มการตอบสนองของภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น
50% มีปฏิกิริยาการตอบสนองของเม็ดเลือดขาวต่อสารเคมีสูงขึ้น
มีอัตราการทำลายเชื้อจุลินทรีย์หรืออนุภาคแปลกปลอมต่าง ๆ
ของเซลล์เม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้น ทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวเพิ่มสูงขึ้น
ส่งผลทำให้ร่างกายสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อโรคต่าง ๆ ที่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส
เชื้อจุลินทรีย์ เชื้อรา สารเคมีต่าง ๆ
ตลอดจนช่วยต่อต้านโรคภูมิแพ้หรือโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันบกพร่องชนิดต่าง ๆ
ได้เป็นอย่างดี[4]
โสมมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่าง
ๆ ได้ โดยทำหน้าที่เป็นสารต้านสารก่อมะเร็ง
เพิ่มภูมิคุ้มกัน และเป็นสารต้านสารพิษจากสภาวะแวดล้อม
โสมจะช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง
และในบางกรณีโสมแสดงให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนเซลล์มะเร็งให้เป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่ตามปกติ
อีกทั้งโสมยังชะลอพัฒนาการของโรคเอดส์ที่เกิดจากการติดเชื้อ HIV ได้อีกด้วย[4] บางข้อมูลระบุว่าโสมสามารถช่วยลดอัตราการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
ช่วยป้องกันการกลายพันธุ์ของเซลล์ปกติไปเป็นเซลล์มะเร็งหรือเนื้องอก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณกระเพาะอาหารและรังไข่
และการรับประทานโสมเกาหลีเป็นระยะเวลานานก็สามารถช่วยลดอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งตับ
(แต่ไม่สามารถลดอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งตับที่เกิดจากการดื่มสุราหรือสาเหตุอื่นได้)
มะเร็งริมฝีปาก มะเร็งช่องปากและคอ มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร
มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งรังไข่[5]
โสมเกาหลีมีสรรพคุณช่วยลดเบาหวาน ลดระดับน้ำตาลในเลือดในคนไข้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง
โดยโสมจะช่วยทำให้ต่อมในตับอ่อนหลั่งอินซูลินออกมาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น
จึงช่วยป้องกันการเกิดอาการมึนชาตามนิ้วมือและการเกิดแผลเน่าเปื่อย นอกจากนี้ ginsenoside
Rb และ ginsenoside Rc ยังออกฤทธิ์คล้ายกับอินซูลิน
จึงมีประโยชน์ในการช่วยลดขนาดการใช้อินซูลินจากภายนอกเพื่อรักษาคนไข้ที่เป็นโรคเบาหวานได้
โดยต้องรับประทานโสมวันละ 2.7 กรัม ติดต่อกัน 3 เดือน[1],[2],[3]
ช่วยลดความดันโลหิตสูง[1] ส่วนอีกรายงานหนึ่งระบุว่า โสมเกาหลีนั้นทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น เพราะมี
ginsenoside Rg1 ในขณะที่โสมอเมริกันจะทำให้ความดันโลหิตลดลง
เพราะมี gensenoside Rb1[2]
ช่วยลดไขมัน
ช่วยในการเผาผลาญไขมันให้เกิดเป็นพลังงาน[1] มีฤทธิ์ลดไขมันในเลือด โดยมีการทดลองทั้งในสัตว์ทดลองและในคน
ซึ่งพบว่าผู้ที่รับประทานรากโสมในขนาดวันละ 2.5 กรัม
ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3-4 เดือน
จะมีปริมาณของคอเลสเตอรอลในเลือดลดลง
แต่ก็มีข้อแนะนำว่าไม่ควรรับประทานโสมติดต่อกันเกิน 1 เดือน
จึงไม่สมควรใช้[2]
โสมมีส่วนช่วยรักษาโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ คนสมัยก่อนเชื่อว่าโสมเป็นยาช่วยกระตุ้นกำหนัดหรือความต้องการทางเพศ
แต่มีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ได้พิสูจน์แล้วว่า
โสมไม่ได้ทำให้ฮอร์โมนทางเพศเปลี่ยนแปลงเลย
แต่การที่โสมช่วยทำให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น
อาจเป็นผลมาจากคุณสมบัติของโสมที่ช่วยทำให้สุขภาพจิตและสมรรถภาพทางร่างกายดีขึ้น[4] แต่มีงานวิจัยที่ทำการทดลองกับผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่ององคชาตไม่แข็งตัว
จำนวน 45 ราย โดยให้รับประทานโสมเกาหลี ในขนาด 900 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวัน ติดต่อกันสองเดือน
ผลการทดลองพบว่า สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
โสมจึงช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศในผู้ชายได้[5]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น